พึ่งไปงานสัมนาของอาจารย์ธันยวัชร์มาเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์นี้ ต้องบอกเลยว่า “คุ้มสุดๆ” ความรู้และประสบการณ์ที่ได้ทั้งจากอาจารย์และจากเพื่อนผู้เข้าสัมนาที่มาแชร์ประสบการณ์, ปัญหา, และรับฟังคำชี้แนะ (ยังกะทุกคนเป็นส่วนหนึ่งของรายการ SME ตีแตก กันเลยทีเดียว)

เริ่มต้นก็แรงเลยครับ อาจารย์บอกว่าเศรษฐกิจปีนี้จะไม่ดี ส่งออกก็ไม่ดี ค้าขายก็จะแย่ ดังนั้นธุรกิจที่ไม่มีแบรนด์จะอยู่ยาก ที่สำคัญแบรนด์ใหญ่ๆก็จะกระโดดลงมาทำของขายแข่งกับรายย่อย เช่น 7-11 เดี่ยวนี้กลายเป็นครัวใกล้บ้านไปแล้ว ผลิตภัณฑ์ด้านอาหารสำเร็จเยอะแยะไปหมด ธุรกิจเล็กๆอย่างเราๆท่านๆ ก็ต้องปรับตัวให้ได้ ให้พยายามสร้างแบรนด์ของตัวเองให้แข่งขันให้ได้

ท่านต้องมี Brand Concept ที่แตกต่าง และ capture market ได้ด้วย Brand ต้องมี Reputation, Awareness, Promise, Competition, และ Communication ซึ่งขณะนี้ตัวที่มาแรงที่สุดคือ Reputation คือ ความมีชื่อเสียงของแบรนด์ ซึ่งเดี่ยวนี้ต้องรู้จัดให้ Social ให้เป็น

ต้องถามตัวเองตลอดว่า Brand ของคุณจะสร้างความแตกต่างยังไง?

ขนาด “วัดท่าไม้” ยังมีการทำการตลาดเลย เห็นมั๊ยติดสติกเกอร์กันเต็มท้ายรถเลย แล้วทำไม SME จะไม่ทำหล่ะ แต่ข่าวดีก็คือเดี่ยวนี้การโฆษณาผ่านทีวีไม่ได้ผลเสมอไปเหมือนเมื่อก่อนแล้ว ผู้บริโภคหันไปหาสื่อ Social มากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่ง SME ทำได้ไม่แพ้ธุรกิจใหญ่ๆเลย

Brand Equity ต้องมี Brand Awareness ซึ่งมาจากการ Remind เช่น ผ่าน packaging ที่แตกต่างและทำให้ผู้บริโภคจดจำเราได้ และยังมาจากการ Recall ให้ขึ้นมาอยู่ในหัวของเขาว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่จะหาซื้อสินค้าประเภทนี้ต้องเป็นของยี่ห้อนี้เท่านั้น

ตัวอาจารย์เองก็ต้อง Remind กลุ่มเป้าหมายผ่านการใช้เสียงและลีลาดุดัน

หรือใครจะเลือกทำด้วยวิธีไหนก็ได้ระหว่าง สี (ของโลโก้), เสียง, packaging, concept สินค้าที่แตกต่าง, ตัวเจ้าของ (ที่โดดเด่น) เช่น กรณีของร้านก๊วยเตี๋ยวของพี่อ้อ (แล้วพี่อ้อคนสวยก็ปรากฎตัวขึ้นมาในห้องประชุม มองผ่านๆ ผมนึกว่าอั้ม พัชราภา มาเอง)

มีตัวอย่างเยอะแยะที่นำมาเล่าให้ฟังในห้องสัมนา เช่น ปั๊ม JET สร้างความแตกต่างที่ห้องน้ำสะอาด เพราะทำความสะอาดทุก 15 นาที ทำให้คนนึกถึงปั๊มนี้เสมอเวลาจะแวะพัก และเติมน้ำมันรถ หรือการใช้สีเขียวของธนาคารกสิกร และโลโก้ของแบงค์นี้เป็นการออกแบบของซินแซที่มีความหมายทุกรายละเอียด

การตั้งชื่อแบรนด์ก็ต้องไม่ยาวเกิน 3 พยางค์ และให้ออกเสียงได้ง่าย

การสื่อสารการตลาดก็สำคัญ บางที่สินค้าเรามีความแตกต่างแล้ว แต่วันหนึ่งก็อาจมีคนมาทำตามก็ได้ เราก็ต้องสื่อสารการตลาดให้ดีและสม่ำเสมอ ให้เล่าเรื่อง (Story) ให้น่าสนใจ และให้ Social ให้เป็น

ช่วงหลังก็เป็นกรณีศึกษาของผู้เข้าสัมนาแต่ละท่าน (ซึ่งขอไม่เอามาแชร์นะครีบ ขอให้เป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนละกัน) แต่ก็ทิ้งท้ายได้น่าสนใจด้วยคำถามที่อาจารย์จะถามผู้เข้าสัมนาตลอดว่า

สินค้าคุณเด่นตรงไหน?

ลูกค้าหลักของคุณคือใคร?

ใครเป็น Influencer หรือผู้มีบทบาททำให้กลุ่มเป้าหมายของคุณซื้อสินค้าคุณได้?

Brand Positioning ของคุณเป็นยังไง?

คุณจะ Remind และ Recall อย่างไร? (หาให้เจอว่าต่างจากคนอื่นตรงไหน)

ปิดสัมนากันไปอย่างชื่นมื่นทุกคนครับ ขอบคุณครับอาจารย์ และหวังว่าความรู้ที่ได้มาวันนี้ จะได้นำมาใช้กับ RangyPOS ของเราด้วย เพื่อให้เรามีความแตกต่างและเป็นที่จดจำของร้านค้าที่โหลดแอปของเราไปใช้ทำให้คุณรวยขึ้นและทำงานสบายขึ้น